วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

แคมฟรอก (Camfrog)



แคมฟรอก (Camfrog) สามารถให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนภาพจากเว็บแคมและเสียงผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยโปรแกรมนี้สามารถใช้ให้มีการประชุมออนไลน์ได้หลายคนพร้อมกัน มีการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด และการแสดงวีดีโอ หลายอย่างรวมถึงเรื่อง การท่องเที่ยว กีฬา ภาษา วัฒนธรรม เล่นเกมตอบปัญหาออนไลน์ แม้แต่เรื่องทางเพศ หรือการร่วมเพศออนไลน์ ในแคมฟรอก


ภาพหน้าต่างแคมฟรอก (Camfrog)

ซอฟต์แวร์

แคมฟรอกไคลเอนต์
แคมฟรอกไคลเอนต์เป็นซอฟต์แวร์ที่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเชื่อมต่อเข้ากับผู้ใช้อื่นผ่านทางเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้ใช้เมื่อดาวน์โหลดและลงทะเบียนการใช้งานสามารถใช้งานได้ทันที โดยการเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการเข้าชม โดยสามารถให้ผู้ใช้เชื่อมต่อผ่านทางเว็บแคมสำหรับแสดงผลหรือเข้าชมได้ และสามารถทำงานผ่านไฟร์วอลล์ หรือเราเตอร์ได้ แคมฟรอกไคลเอนต์แบ่งออกเป็นสองรุ่น โดยรุ่นที่ใช้งานได้ฟรีและรุ่นที่ที่ต้องเสียเงินใช้ ซึ่งมีความสามารถพิเศษเพิ่มเข้ามา เช่นสามารถดูวิดีโอขนาดใหญ่ หรือดูวิดีโอหลายหน้าจอพร้อมกันได้
แคมฟรอกเซิร์ฟเวอร์
แคมฟรอกเซิร์ฟเวอร์เป็นซอฟต์แวร์ให้ผู้ใช้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ของตนเองให้ผู้ใช้คนอื่นได้เข้ามาใช้งาน โดยผู้ติดตั้งสามารถเป็นผู้ควบคุมระบบของเซิร์ฟเวอร์นั้น เช่น จำกัดผู้ใช้งาน ระบุจำนวนผู้ใช้งานได้ แคมฟรอกเซิร์ฟเวอร์แบ่งออกเป็นสองรุ่นคือ รุ่นฟรีและรุ่นที่ต้องเสียเงิน
แคมฟรอกเว็บ
แคมฟรอกเว็บเป็นโปรแกรมติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ให้ผู้ใช้สามารถประชุมออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ได้ โดยผู้ใช้งานสามารถใช้งานผ่านทางเว็บไซต์โดยตรงแตกต่างกับรุ่นแคมฟรอกเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องใช้งานผ่านทางซอฟต์แวร์ไคลเอนต์
แคมฟรอกทูลบาร์
แคมฟรอกทูลบาร์เป็นโปรแกรมเสริมสำหรับติดตั้งบนเว็บเบราว์เซอร์ สำหรับค้นหารายชื่อเซิร์ฟเวอร์หรือค้นหาผู้ใช้งานที่ออนไลน์อยู่ สำหรับติดตั้งกับไฟร์ฟอกซ์และอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์




ตัวอย่างหน้าต่างห้อง


วิธีใช้งาน Camfrog
1. วิธีใช้เบื้องต้น
1. เปิดโปรแกรม Camfrog Vidio Chat ขึ้นมา
2. ถ้าเข้าครั้งแรกจะมีหน้าต่างนี้ขึ้นมาให้สมัครสมาชิกก่อน เพราะถ้าไม่ได้สมัครก็เล่นไม่ได้
3. จากนั้นตัวโปรแกรมจะทำการเข้าสู่ระบบ
2. ขั้นตอนการแอดเพื่อนเก็บไว้
4. ในกรณีที่อยากเพิ่มชื่อใครเก็บไว้ในลิสของเราก็แค่คลิ๊กขวาที่ชื่อคนที่ต้องการ แล้วกด Add to Contact List กด yes ไปเพื่อยืนยัน แค่นี้เขาก็จะมาอยู่ในลิส
3. ขั้นตอนการเปลี่ยนห้องแชท
5. ถ้าอยากเปลี่ยนห้องก็ให้ กดไปที่ Actions > Video Chat Rooms แล้วเลือกห้องครับ โดยสามารถกดที่ปุ่ม Next เพื่อไปหน้าอื่นเพิ่มได้อีกด้วยอย่าลืมกด Yes เพื่อให้เข้าห้องได้แบบสมบูรณ์
ข้อดี-ข้อเสียของแคมฟอก
ข้อดีของแคมฟอก
1.คนหูหนวกหรือคนพิการสามารถสนทนาภาษามือในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กันผ่าน Camfrog ได้
2.เรียนวิชาช่างผ่าน Camfrog ก็ได้ เพราะมีห้องสอนซ่อมรถ หรือหัดเป็นนักดนตรี เขาก็มีห้องสอนเล่นกีต้าร์
3.คุณครูก็สามารถใช้ถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ลูกศิษย์ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนทางไกล ทั้งสองฝ่ายต่างได้สื่อสารกันแบบ Two Way Communication
4.ด้านบริษัทต่างๆ ก็สามารถใช้ Camfrog เป็น Video Conference สำหรับการประชุมผู้บริหาร พนักงาน ได้อย่างสะดวก ด้วยประสิทธิภาพสูงสุดที่สามารถเปิดได้ถึง 100 หน้าต่าง
5.นอกจากนี้ยังมีคนใช้ Camfrog เฝ้าบ้านด้วย โดยเปิดโปรแกรมทิ้งไว้ แล้วเอากล้องส่องไปที่ประตูห้อง ปิดหน้าจอ จากนั้นใครเข้ามาก็สามารถเห็นได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน

ข้อเสียของแคมฟอก

เล่น Camfrog แล้ว เสียเงิน
เล่น Camfrog แล้ว เสียตัว
เล่น Camfrog แล้ว เสียใจ
เล่น Camfrog แล้ว เสียน้ำตา
เล่น Camfrog แล้ว เสียความรู้สึก
เล่น Camfrog แล้ว เสียแฟน
เล่น Camfrog แล้ว เสียงาน,การเรียน

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

เกร็ดความรู้เรื่อง Bluetooth

Bluetooth คืออะไร

Bluetooth เป็นเทคโนโลยีไร้สายแบบระยะสั้น ( Short-Range ) คือมีกำลังส่งต่ำ มีระยะทำการระหว่างอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth ด้วยกัน เพียง 10 เมตร ซึ่งจะใช้สำหรับต่อเข้าเป็นระบบเน็ตเวิร์คขนาดเล็กๆ ที่อุปกรณ์แต่ละตัวอยู่ไม่ห่างกันมาก ที่เรียกว่าเป็น Personal Area Network ( PAN ) โดย Bluetooth นี้จะทำงานที่คลื่นความถี่ 2.4 GHz ซึ่งเป็นความถี่ที่เรียกว่า แถบความถี่ ISM ( Industrial, Scientific and Medical ) โดยความถี่นี้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ทำให้สามารถพัฒนา และมีการใช้งานกันแพร่หลาย ผู้พัฒนา สามารถพัฒนาอุปกรณ์ให้ใช้ความถี่นี้ โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ และยังติดตั้งได้ อย่างไม่ยุ่งยากอีกด้วย

Bluetooth ใช้เทคโนโลยีในการรับส่งสัญญาณที่เรียกว่า FHSS ( Frequency-Hopping Spread Spectrum ) ซึ่งจะทำการเปลี่ยนแปลงระดับของความถี่ในขณะที่กำลังส่งสัญญาณ ในอัตรา 1,600 ครั้ง ภายใน 1 วินาทีเท่านั้น ด้วยระดับความถี่ 79 ระดับ ที่แตกต่างกัน ระดับละ 1 MHz ดังนั้น คลื่นความถี่ที่ Bluetooth ใช้จึงอยู่ในช่วงตั้งแต่ 2.4 - 2.48 GHz และมีรูปแบบในการรับส่งข้อมูล 2 รูปแบบ คือ SCO ( Synchronous Connection Oriented ) ที่จะทำการสร้าง Ad Hoc Network ระหว่างอุปกรณ์ก่อน โดยที่อุปกรณ์ที่เป็นตัวหลัก จะควบคุมอุปกรณ์ที่เป็นตัวลูกได้มากที่สุดคราวละ 3 อุปกรณ์ และอีกแบบหนึ่งคือ ACL ( Asynchronous Connectionless ) ที่จำมีการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์กัน ก็ต่อเมื่อมีการร้องขอจากทางตัวหลัก

Bluetooth นี้ จะรองรับการรับส่งข้อมูลผ่านทางคลื่นวิทยุ โดยสามารถส่งได้ทั้งข้อมูลปกติ และข้อมูลเสียง ด้วยความเร็ว 1 Mbps ตามมาตรฐาน Bluetooth 1.x และในอนาคตอันใกล้ ก็จะขยับขยายไปเป็น Bluetooth 2.0 ซึ่งจะให้ความเร็วในการรับส่งที่เพิ่มขึ้นเป็น 10 Mbps และด้วยความที่ว่า เป็นเทคโนโลยีไร้สายแบบระยะสั้น ซึ่งใช้อุปกรณ์ภาครับ-ส่ง ( Chip transceiver ) ขนาดเล็ก และราคาไม่แพง ทำให้เหมาะกับการใช้งานกับโทรศัพท์มือถือ, เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งแบบพกพา ( Notebook ) และแบบตั้งโต๊ะ ( Desktop ) รวมถึง เครื่องคอมพิวเตอร์มือถือ ที่เรียกว่า PDA ( Personal Digital Assistants ) จำพวก Palm หรือ PocketPC อีกด้วย

เทคโนโลยี Bluetooth นี้ เกิดจากความร่วมมือของกลุ่มบริษัทผู้นำด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบัน ก็มีผู้สนับสนุนหลัก 9 บริษัทด้วยกัน ประกอบไปด้วย 3Com, Agere, Ericsson, IBM, Intel, Microsoft, Motorola, Nokia และ Toshiba โดยในปี ค.ศ. 2001 ที่ผ่านมา ก็มีผู้เข้าร่วมพัฒนาทั้งจากบริษัททางด้าน Semiconductor, บริษัททางด้านโทรคมนาคม, อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกไม่ต่ำกว่า 200 บริษัท ซึ่งก็มีอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้เปิดตัวออกมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 2,000 รุ่น

เกร็ดความรู้ที่ 1 การปิดรหัสผ่าน
คุณสามารถระงับหน้าต่างถามรหัสผ่านได้ โดยการเปิด Password ใน Control panel และคลิ๊กบนปุ่ม Windows Password พิมพ์รหัสผ่านเก่าของคุณในพื้นที่ของรหัสผ่านเก่า แล้วกดแท็บเพื่อเลื่อนมาช่องรหัสผ่านใหม่แล้วยืนยันรหัสผ่านโดยไม่ต้องใส่ค่าใดๆ แล้วกด Enter 1 ครั้ง
เกร็ดความรู้ที่ 2 ยกเลิกโปรแกรมตอนบู๊ทเครื่อง
ทำได้โดย คลิ๊กที่ Start => Run ใส่คำว่า msconfig ในช่อง Open แล้วกดปุ่ม Ok จากนั้นให้เลือกไปที่หน้า Startup แล้วทำการยกเลิกรายการโปรแกรมซึ่งคุณคิดว่าไม่จำเป็นต้อง รัน แล้วคลิ๊ก Ok จากนั้นให้ Reboot จะเห็นว่าเครื่องจะบู๊ทเร็วขึ้นครับ
เกร็ดความรู้ที่ 3 ตรวจสอบว่า Os ที่ใช้เป็นรุ่นไหน
คลิ๊กขวาที่ ไอคอน My Computer เลือก Properties ที่แถบ General ตรงคำว่า System คุณจะพบหมายเลข บอกเวอร์ชั่นดังนี้
4.00.950 คือวินโดวส์ 95
4.00.950A คือวินโดวส์ 95 กับ Service Pack 1
4.00.950B คือวินโดวส์ 95 SR2.0-2.1
4.00.950C คือวินโดวส์ 95 SR2.5
4.10.1998 คือวินโดวส์ 98
4.90.3000 คือวินโดวส์ ME

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

CMS.LMS .LCMS.

CMS ; Content Management System
ความหมาย
ระบบบริหารจัดการข้อมูลเว็บไซต์ (Content Management System) หรือ CMS เป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนา และบริหารจัดการเว็บไซต์ โดยที่ผู้พัฒนา และอัพเดตข้อมูลในระบบไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการพัฒนาเว็บไซต์ หรือเขียนโปรแกรมมาก่อน
ปัจจุบัน CMS ส่วนมากมีรูบแบบเป็น Web-Based Application ที่สามารถทำงานผ่าน Web Browser ได้สะดวกในการใช้งาน สามารถอัพเดตข้อมูลเว็บไซต์ของตนเองได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมไว้บนเครื่องลูกข่าย ต่างกับการใช้งานเครื่องมือที่ใช้ออกแบบเว็บไซต์ เช่น Adobe Dreamweaver ที่ต้องติดตั้งโปรแกรมไว้บนเครื่องที่จะใช้งานจึงแก้ไขเว็บไซต์ได้
CMS เป็นเว็บไซต์กึ่งสำเร็จรูปมีระบบบริหารจัดการข้อมูลด้านหลัง (Administrator) ที่ง่ายต่อการใช้งานและแก้ไขปรับแต่ง โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม ทำให้สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ตัวอย่างCMS ; Content Management System


www.hi5.com

LMS ; Learning Management System
ความหมาย
ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปขนาดใหญ่ซึ่งมีความสามารถในการจัดการและถ่ายทอดหรือส่งเนื้อหาและทรัพยากรการเรียนไปสู่ผู้เรียนได้ LMS ส่วนใหญ่ทำงานบนระบบเว็บไซต์ (Web-based) เพื่ออำนวยความสะดวกให้สามารถเข้ามาเรียนเนื้อหาและบริหารจัดการได้ทุกที่ทุกเวลา อย่างน้อย LMS ต้องมีความสามารถในการลงทะเบียนนักศึกษา การนำเสนอเนื้อหาการเรียน และการติดตามผู้เรียน จัดการสอบ และอนุญาตให้ผู้สอนจัดการรายวิชาได้ นอกจากนั้น LMS ที่มีประสิทธิภาพ จะมีความสามารถในการจัดการระดับสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ผู้เรียน การวางแผนการเรียน การตรวจสอบผู้เรียน การสร้างห้องเรียนเสมือน การจัดการสร้างเนื้อหาบทเรียน จัดการเนื้อหาบทเรียน จัดกิจกรรมการเรียน การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เรียนด้วยเครื่องมือต่าง ๆ
ตัวอย่างLMS ; Learning Management System


www.efrontlearning.net

LCMS : Learning Content Management System
ความหมาย
ใช้ในการสร้างระบบเรียนรู้แบบออนไลน์ (E-Learning) สามารถแยกผู้ใช้งานเป็น 3 ส่วน คือส่วนผู้ดูแลระบบ (Administrator) ส่วนอาจารย์ผู้สร้างเนื้อหาการเรียน (Content Developer) และส่วนผู้เรียน (Student) Tools ที่เป็น Open source หรือ Freeware และได้รับความนิยมในแวดวงการศึกษาเป็นอันดับต้นๆ
ตัวอย่าง


www.moodle.org

ความแตกต่าง
CMS ; Content Management System จะเป็นการจัดการระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนา และบริหารจัดการเว็บไซต์แบบง่ายๆ
LMS ; Learning Management System มีความสามารถในการจัดการและถ่ายทอดหรือส่งเนื้อหาและทรัพยากรการเรียนไปสู่ผู้เรียนได้
LCMS : Learning Content Management System ใช้ในการสร้างระบบเรียนรู้แบบออนไลน์

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

การแต่งภาพ

แนะนำการแต่งภาพง่ายๆ

เริ่มจากการเข้าไปที่เว็ป http://www.loonapix.com/



แล้วเลือกรูปแบบต่างๆที่เราชอบ



จากนั้นเราจะมาทำการเลือกรูปภาพที่จะนำมาแต่ง



จะได้ผลง่านที่ง่ายแต่สวยงามออกมา